การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ใคร ๆ ก็รู้ว่ามีประโยชน์ เพราะในน้ำนมแม่นั้นอุดมไปด้วยสารอาหารที่ครบถ้วน ย่อยง่ายและช่วยให้ลูกน้อยขับถ่ายสะดวก เสริมสร้างภูมิต้านทานโรค โดยเฉพาะใน 1-3 วันแรกหลังคลอดนั้น ควรให้ลูกน้อยได้ดื่มนมแม่ เพราะในช่วงวันดังกล่าว น้ำนมที่ออกมาจากเต้า จะเรียกว่า ‘หัวน้ำนม’ หรือ Colostrums หัวน้ำนมส่วนนี้มีคุณค่ามหาศาล โดยจะมีปริมาณเพียง 2 ออนซ์แรกเท่านั้น หากลูกน้อยได้ดื่มนมส่วนนั้นจะทำให้ร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บไม่ป่วยง่าย

ส่วนความเชื่อที่ว่า หากให้นมลูกบ่อย จะทำให้มีน้ำนมน้อยลง เพระเต้านมผลิตไม่ทันนั้น ไม่เป็นความจริง ในทางตรงกันข้าม การให้ลูกดื่มนมจากเต้าบ่อยครั้ง ยิ่งเป็นการกระตุ้นให้เต้านมผลิตน้ำนมออกมาได้มากขึ้น

การให้นมลูกน้อยนั้นจะรู้ได้อย่างไรว่าทำให้อิ่มท้อง? มีวิธีสังเกตง่าย ๆ จากปัสสาวะ หากลูกน้อยขับปัสสาวะ 4-5 ครั้งต่อวัน แสดงว่าได้ดื่มนมในปริมาณที่พอเหมาะ  หรือสามารถสังเกตอย่างละเอียดได้ตั้งแต่วันแรก ลูกน้อยจะปัสสาวะ 1-2 ครั้ง วันที่สามขึ้นไปจะปัสสาวะ 2-3 ครั้ง วันที่หกขึ้นไปจะปัสสาวะทุก ๆ 1-2 ชั่วโมง ส่วนอุจจาระจะเป็นเม็ดสีเหลือง ด้านน้ำหนักตัวจะขึ้น 20-40 กรัมต่อวัน หรือ 600-1,200 กรัม เมื่อมีอายุครบเดือน ในกรณีที่ต้องการกำหนดปริมาณนั้น ให้ดื่มนม 150 ซีซี ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม

คุณแม่บางคนยังเคยสงสัยว่า ลูกน้อยจะรู้จักวิธีดื่มนมจากเต้าได้อย่างไร เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องธรรมชาติ เมื่อจะให้ดื่มนมจากเต้า เพียงให้แก้มลูกน้อยสัมผัสกับหัวนม ทันใดนั้นลูกน้อยจะหันปากดูดนมทันที ถือเป็นปฏิกิริยาเพื่อความอยู่รอดของมนุษย์ หรือเรียกว่า Rooting Reflex

สำหรับตัวคุณแม่ การเลี้ยงลูกด้วยนมยังช่วยให้น้ำหนักที่ขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ลดลงได้ ทำให้มดลูกเข้าที่หรือคืนสภาพได้เร็ว ทั้งยังลดความเสี่ยงการป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก ภาวะโลหิตจางได้ด้วย.